ความเป็นมาของเพลงชาติไทยในปัจจุบัน โดย สมศักดิ เจียมธีรสกุล ปลายปี 2545 ถึงต้นปี 2546 มีข่าวว่ากระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้ บริษัทผลิตเทปเพลงชื่อดัง แกรมมี่ ทดลองดัดแปลงทํานอง และบันทึกเพลงชาติไทย ใหม่โดยให้นักร้อง "ยอดนิยม" ของบริษัท เช่น ธงไชย แมคอินไตย เป็นผู้ขับร้องเพลงชาติไทย
ทั้งนี้ โดยมีเป้าหมายที่ต้องการส่งเสริมความรักชาติในหมู่วัยรุ่น ข่าวดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ปฏิกิริยาส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ ด้วยเหตุผลทํานอง ว่า เพลงชาติไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรเปลี่ยน, ไม่ควรมีหลายฉบับ และไม่คิดว่าบริษัทอย่างแกรมมี่ที่ปกติผลิตเพลงเพื่อการตลาดเหมาะสมจะเป็นผู้ทํา หลังจากนั้นข่าวนี้ก็เงียบหายไป
1 ปีต่อมาคณะรัฐมนตรีได้ลงมติรับรอง เพลงสําคัญของแผ่นดิน 6 เพลง (เพลงชาติไทย, เพลงสรรเสริญพระบารมี, เพลงมหาชัย, เพลงมหาฤกษ์, เพลงสดุดีมหาราชา, เพลงภูมิแผ่นดินนวมินทร์มหาราชา) ที่ผลิตโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติแต่งตั้งขึ้น ให้เป็น "ต้นแบบ" สําหรับให้หน่วยงานราชการและเอกชนนําไปใช้ ตรงข้ามกับไอเดียเริ่มต้นของกลาโหม ที่ต้องการทดลองหาสิ่งใหม่ (ชนิด "ถูกใจวัยรุ่น")
เพลงชาติไทยและ "เพลงสําคัญ" อื่นๆ อีก 5 เพลงที่คณะกรรมการเอกลักษณ์ผลิต เริ่มต้นจากไอเดียที่มองว่า "ปัจจุบันการเผยแพร่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งหากปล่อยไว้ต่อไปอาจสูญเสียเอกลักษณ์ของชาติไปในที่สุด" ในความเป็นจริง หากใครฟังเพลงชาติไทย "เวอร์ชั่นใหม่" ที่เริ่มเผยแพร่อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นมา ก็จะพบว่าแทบไม่มีความแตกต่างจากเพลงชาติไทยที่เคยฟังกันมาก่อนเลย
อันที่จริง ความคิดที่ให้แก้ไขเพลงชาติไทย ไม่เพียงแต่ดัดแปลงทํานอง หรือเปลี่ยนผู้ร้อง แต่เปลี่ยนเพลงใหม่เลยเคยมีผู้เสนออย่างจริงจังมาก่อนในปลายปี 2528 ในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ รายวัน และนําไปสู่การถกเถียงทางหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นอย่างคึกคักกว่า 3 สัปดาห์ ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยแรงกระตุ้นจากการถกเถียงนี้เองที่ สุกรี เจริญสุข ผลิตงานเรื่อง เพลงชาติ ของเขาออกมา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นงานศึกษาเพลงชาติไทยเชิงวิชาการชิ้นแรกและชิ้นเดียวในปัจจุบัน
นอกจากเราจะมีงานของ สุกรี แล้ว เพลงชาติไทย (ต่างกับเพลงสรรเสริญพระบารมี) ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสําคัญให้เขียนถึงได้อีก เพราะยังมีบันทึกความทรงจําของคนสําคัญๆ ที่เป็นผู้ให้กําเนิดเพลงชาติไทย ทั้งฉบับแรกและฉบับปัจจุบัน ครบทั้ง 3 คน คือ พระเจนดุริยางค์ ผู้แต่งทํานอง, ขุนวิจิตรมาตรา ผู้แต่งคําร้องฉบับแรก และหลวงสารานุประพันธ์ ผู้แต่งคําร้องฉบับปัจจุบัน อย่างไรก็ตามสุกรีเขียนงานของเขาในฐานะนักวิชาการดนตรีไม่ใช่ในฐานะนักประวัติศาสตร์
เขาเพียงแต่รวบรวมบันทึกความทรงจํา และเอกสารชั้นต้นที่เกี่ยวข้องมาตีพิมพ์เท่านั้น เขาไม่ได้ท่าการตรวจสอบและวิพากษ์หลักฐานเหล่านั้นอย่างจริงจัง การใช้หลักฐานจึงเป็นไปอย่างค่อนข้างหละหลวม และ (ดังที่นักประวิตีศาสตร์ทุกคนย่อมทราบดี) ความทรงจําย่อมผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้สุกรียังไม่ได้พยายามใช้หลักฐานที่มีอยู่แล้วขณะที่เขาเขียนงานให้เป็นประโยชน์เต็มที่ ในบทความนี้ผมจะใช้การวิพากษ์หลักฐานทางประวัติศาสตร์และการรวบรวมหลักฐานที่มีอยู่ทั้งที่เคยเปิดเผยแล้ว และไม่เคยเปิดเผยมาก่อน (รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี) มาเล่าความเป็นมาของเพลงชาติไทยปัจจุบันให้สมบูรณ์ยิ่งกว่าที่เคยมีการเล่ากันมา
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) |
เพลงชาติไทยกับเพลงสรรเสริญพระบารมี
ในบทความนี้ผมจะพูดถึงความเป็นมาของเพลงชาติไทยซึ่งในความเป็นจริงเคยมีเพียงฉบับเดียว ถ้าพูดในแง่ทํานองเพลง มีเพียง 3 ฉบับ แต่ถ้าพูดในแง่เนื้อร้องต่างจาก สุกรี และ สุพจน์ มานะลัภนเจริญ ผมไม่จัดเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงชาติไทย แม้ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เอง
ในบทความนี้ผมจะพูดถึงความเป็นมาของเพลงชาติไทยซึ่งในความเป็นจริงเคยมีเพียงฉบับเดียว ถ้าพูดในแง่ทํานองเพลง มีเพียง 3 ฉบับ แต่ถ้าพูดในแง่เนื้อร้องต่างจาก สุกรี และ สุพจน์ มานะลัภนเจริญ ผมไม่จัดเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงชาติไทย แม้ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เอง
เป็นความจริงที่ว่า ตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เมื่อสยามเริ่มมีการประดิษฐ์เพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ฝรั่งก็พาดพิงถึงเพลงสรรเสริญพระบารมี (ซึ่งตอนแรกเอาของ ฝรั่ง God save the King มา) ว่าเป็นเพลงชาติสยาม (Siamese National Anthem) แต่ชาวสยามไม่ได้ถือเช่นนั้น รวมทั้งในหมู่ชนชั้นนําเองก็ไม่ได้มองเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงชาติไทย (ยกเว้นในแง่ที่สัมพันธ์กับฝรั่ง) แน่นอนว่าเพลงสรรเสริญพระบารมีถูกถือว่าเป็นเพลงที่สําคัญ ที่สุดของสังคม "ชาติ" สยามในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
แต่เนื่องจากความคิดเรื่อง "ชาติ" ในสมัยนั้นเป็นความคิดที่สําคัญน้อยกว่าและขึ้นต่อความคิดเรื่องสถาบันกษัตริย์ จึงไม่เกิดความต้องการที่จะต้องมีเพลงสําหรับ "ชาติ" ต่างหากจากเพลงสําหรับ กษัตริย์ การที่พวกนิยมเจ้าบางคนเกิดความไม่พอใจ เมื่อหลัง 2475 ใหม่ๆ รัฐบาลคณะราษฎร์พยายามประดิษฐ์เพลงชาติขึ้นนั้น ไม่ใช่เพราะเห็นว่าพวกหลังพยายามเปลี่ยน "เพลงชาติไทย" แต่เพราะเห็นว่าพวกนั้นกำลังลดความสําคัญของเพลงสําหรับกษัตริย์ (และจากนี้คือความสําคัญของกษัตริย์) การเรียกเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับต่างๆ ว่า "เพลงชาติไทย" ฉบับที่ 1, 2, 3 ของไทย ทําให้มองไม่เห็นความขัดแย้ง (ไม่ใช่ความต่อเนื่อง) ระหว่างแนวคิดเบื้องหลังเพลง 2 ประเภท ประเภทหนึ่งเห็นว่ากษัตริย์สําคัญที่สุด อีกประเภทหนึ่งเห็นว่าชาติสําคัญที่สุด
ในส่วนเพลงสรรเสริญพระบารมีเอง ผมมีความเห็นว่างานเมื่อเร็วๆ นี้ของสุพจน์ มานะลัภนเจริญ สามารถอภิปรายได้อย่างน่าเชื่อว่า ชูรอฟสกี้ ไม่ใช่ผู้แต่งอย่างที่สุกรีเคยเสนอไว้ แต่เป็นเพียง 1 ในผู้เรียบเรียงเสียงประสาน อย่างไรก็ตามข้อเสนอของสุพจน์ที่ว่า เคยมีชาวปรัสเซียชื่อฟรีทช์ แต่งเพลงสรรเสริญพระบารมีให้สยามตั้งแต่ปี 2405 (1862) ยังชวนให้สงสัยว่า โดยส่วนตัว หลังจากอ่านงานทั้งของ สุกรีและสุพจน์แล้ว ผมมีความรู้สึกว่า ถึงที่สุดแล้ว เพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับต่างๆ ทั้งหมดที่ทั้งคู่กล่าวถึง รวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีต้นกําเนิดเดียวกันจากเพลงที่เรียกว่า "บุหลันลอยเลื่อน" ซึ่งเป็นเพลงคํานับกษัตริย์สมัยรัชกาลที่ 2
"เพลงชาติมหาชัย" ไม่ใช่เพลงชาติไทย
เพลงชาติไทย เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากแนวคิดที่แยกชาติออกจากกษัตริย์และให้ความสําคัญ กับชาติมากกว่ากษัตริย์ได้รับชัยชนะนนคือหลังจาก 24 มิฤนายน 2475 งานเขียนเรื่องเพลงชาติไทยที่ผ่านมาแทบทุกชิ้นกล่าวว่า เพลงชาติไทยเพลงแรกหลังเหตุการณ์นั้น คือ "เพลงชาติมหาชัย" ซึ่งเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีแต่งให้กับคณะราษฎรในระหว่างช่วงยึดอํานาจโดยใช้ทํานองเพลงมหาชัย และมีเนื้อร้องว่า
ผมไม่แน่ใจว่า การระบุว่า "เพลงชาติ มหาชัย" คือเพลงชาติเพลงแรกหลัง 2475 นั้นเริ่มมาจากไหน สงลัยว่าจากบทความประวัติเพลงชาติไทยปี 2515 ของมนตรี ตราโมท (แม้ว่าถ้าอ่านดีๆ จะพบว่า มนตรีไม่ได้บอกว่าเพลงของเจ้าพระยาธรรม ศักดิ์ฯ เป็นเพลงชาติไทยจริงๆ แต่ดูเหมือนคนที่เล่ากันต่อๆ มาจะขยายความไปเอง) เท่าที่ผมอ่านเอกสารของช่วง 2475 ไม่พบการระบุเช่นนี้ ผมพบว่ามีการดีพิมพ์เนื้อเพลงข้างต้น เข้าใจว่าเป็นครั้งแรกใน ศรีกรุง รายวัน ฉบับวันเสาร้ที่ 2 กรกฎาคม 2475 หน้า 9
น่าสังเกตว่า ศรีกรุง เองไม่ได้ระบุว่านี่คือเพลงชาติไทย และอันที่จริงเนื้อเพลงนี้ถูกตีพิมพ์พร้อมกับเนื้อเพลงอื่นอีก 3 เพลง ภายใต้หัวข้อ "เพลงคณราษฎร์"(สะกดแบบนี้) โดยที่ 3 เพลงซึ่งตีพิมพ์อยู่ตอนต้นก่อนเพลงนี้ (เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้าย) อยู่ใต้ชื่อ "นางนาค", "มอญโยนดาพ" (สะกดแบบนี้) และ "คลื่นกระทบฝั่ง" ซึ่งล้วนเป็นชื่อทํานองเพลงไทย (เดิม) แม้แต่ "มหาชัย" ใน "เพลงชาติมหาชัย" (สะกดแบบนี้ในศรีกรุง) ผมก็เข้าใจว่า น่าจะหมายถึง "มหาชัย" แบบไทยมากกว่าแบบดนตรีฝรั่ง ทั้ง 4 เพลงยาวเท่ากันหมด และไม่มีชื่อผู้แต่ง
จากหลักฐานที่มีอยู่ ผมคิดว่ามีเหตุผลมากกว่าที่จะสรุปว่า "เพลงชาติมหาชัย" ของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเพลงชาติไทยในความหมาย ที่เข้าใจกัน และก็ไม่ได้ฤกถือว่าเป็นโดยคนฟึมัยนั้นด้วย ถ้าเราลองคิดว่า เมื่อมีข่าวว่าพระเจนดุริยางค์แต่งเพลงชาติขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ยังสร้างความไม่พอใจให้กับแวดวงเจ้าส่วนหนึ่ง จนรัฐบาลต้องออกมาปฏิเสธ (ดังจะกล่าวต่อไป)
เหตุใดจึงสามารถมีเพลงชาติฉบับของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ กันได้ง่ายๆ เล่า? ลักษณะที่เนื้อเพลงถูกตีพิมพใน ศรีกรุง ส่อว่านี่คงเป็นเพียง 1 ในหลายเพลงที่ "มีผู้แต่งส่งมาให้คณะราษฎรเป็นอันมาก" จริงๆ (ตามคําของพระยาพหลฯ ในกรณีพระเจนดุริยางค์ที่จะเห็นต่อไป) 2 วันหลังจากตีพิมพ์ "เพลงคณราษฎร์" ทั้ง 4 เพลงแล้ว ศรีกรุงยังตีพิมพ์เนื้อเพลงอีก 1 เพลงภายใต้ชื่อ "ช้างประสานงา" โดยขึ้นหัวข้อว่า "เพลงปลุกใจชาวไทยคณราษฎรเมื่อคืนนี่" และมีบรรยายสั้นๆ ว่า "ร.ท.หม่อมหลวงขาบ กุญชร เป็นผู้ร้องกระจายเสียงที่สถานีวิทยุพญาไท [คือสถานีวิทยุรัฐบาล-สมศักดิ์] เมื่อคืนนี้" เพลง "ช้างประสานงา" มีความยาวเท่ากับเพลงในชุด "เพลงคณราษฎร์" และไม่มีชื่อผู้แต่ง การที่เพลงนื้มีทํานองเพลงไทยเดิมเป็นเหมือนชื่อเพลงอีก น่าจะยืนยันว่า "เพลงชาติ มหาชัย" ก็คงเป็นทํานอง แบบไทยเดิมเช่นกัน และคงไม่มีสถานะพิเศษกว่าเพลงอื่นๆ เหล่านี้
ในงานเกี่ยวกับเพลงชาติก่อนหน้านี้ กล่าวกันว่า "เพลงชาติ มหาชัย" ของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ ได้รับการขับร้องระหว่างเปลี่ยนแปลงการปกครอง เรามีบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้นใน 2-3 วันแรกของการเปลี่ยนแปลงจากผู้สังเกตการณ์ร่วมสมัยที่มีสายตาคมอย่างหลวงวิจิตรวาทการ หลวงวิจิตรฯ เจาะจงยกเรื่องเพลงที่ใช้ระหว่างการยึดอํานาจ มาเล่าดังนี้ "ในที่สุดแห่งการส่งวิทยุในคืนวันที่ ๒๔ นั้น เพลง "ข้าวรพุทธเจ้า" ได้หายไป และเพลง "มหาฤกษ์มหาชัย" ได้เข้ามาแทนที่ วันที่ ๒๔ มิถุนายนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ราตรีกาลคงเงียบสงัด แต่หัวใจพลเมืองยังเต้นอยู่...
คืนวันที่ ๒๖ มิถุนายน เป็นคืนที่ประชาชนกลับรู้สึกอบอุ่น และบรรเทาความร้อนใจ เพลงมหาฤกษ์มหาชัยที่ใช้มาสองคืน กลับสงบเสียง และเพลง "ข้าวรพุทธเจ้า" ได้เข้ามาแทนที่ ราตรีที่ ๒๖ เป็นราตรีที่สงบ หัวใจของชาวสยามค่อยเต้นเบาลง ผมคิดว่า เราอาจสันนิษฐานได้ว่า เป็นไปได้ที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ จะได้รับแรงบันดาลใจให้ใช้ทํานอง "มหาชัย" จากการกระจายเสียง 2 คืนแรกนี้เอง (และน่าจะเขียนหลังวันที่ 27 เพราะ "วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม่" น่าจะแปลว่ามีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกแล้ว
สรุปคือเขียนระหว่าง 27 มิถุนายน ถึง 1กรกฎาคม) น่าสังเกตด้วยว่า หลวงวิจิตรฯ ไม่ได้พูดถึง "เพลงชาติไทย" ของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ แต่อย่างใด ถ้ามี "เพลงชาติไทย" จริงๆ ผู้มีความสนใจอย่างเข้มข้นต่อเรื่องทางวัฒนธรรมอย่างหลวงวิจิตรฯ น่าจะพูดถึงแล้ว ในความเป็นจริง เท่าที่ผมทราบ ไม่มีหลักฐานว่า "เพลงชาติไทย" ของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ เคยได้รับการร้องจริงๆ ด้วยซํ้า (แน่นอน การบรรเลงเพลงมหาชัยหรือทั้งมหาฤกษ์และมหาชัยอย่างที่หลวงวิจิตรฯ เล่า ไม่อาจนับว่าเป็นการเล่นเพลงของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ ได้)
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ "เพลงชาติไทย" โดยยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ท่านไม่เคยรู้มาก่อน โปรดติดตามบทความต่อไปได้ที่นี่ ThailandAnthem.com "เพลงชาติไทย และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเพลงประจำชาติไทย"